แผลเป็นบนใบหน้า ทายาก็ไม่หาย รักษาด้วยวิธีไหนถึงจะเห็นผลไว

แผลเป็นบนใบหน้า เป็นหนึ่งในปัญหาผิวหน้าที่แม้จะไม่ได้สร้างความเจ็บปวดบนผิวหน้า แต่ก็ลดความมั่นใจเวลาออกไปพบปะผู้คนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว หลายคนเลือกที่จะทายารักษาแผลเป็นเนื่องจากราคาถูกกว่าการรักษาด้วยการทำหัตถการอื่นๆ แต่ทามาตั้งนานแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย มีวิธีรักษาที่ไวกว่านี้ไหม วิธีไหนตอบโจทย์มากที่สุด หมอแวนด้ามีคำตอบค่ะ

แผลเป็นบนใบหน้า เกิดจากอะไร

ส่วนมากแล้วแผลเป็นบนใบหน้ามักเกิดจากอุบัติเหตุหรือการรักษาด้วยการผ่าตัดบริเวณใบหน้า เมื่อเกิดแผลขึ้นมาแล้วร่างกายสมานแผลด้วยการผลิตคอลลาเจนขึ้นมาเพื่อสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่และกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงบริเวณที่เคยเกิดแผลจนเป็นแผลเป็นนูนๆ หลังจากร่างกายหยุดสร้างคอลลาเจนและเลือดแล้ว แผลเป็นจากค่อยๆ เรียบเนียนและจางลง

แผลเป็นบนใบหน้า มีกี่แบบ อะไรบ้าง

  • แผลเป็นทั่วไป : เป็นแผลที่มีสีแดงหรือสีคล้ำนูนขึ้นมาจากแผล เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 2 ปี จึงค่อยมีสีอ่อนลงและทิ้งร่องรอยเอาไว้ อาจมีอาการคันบริเวณแผลเป็น
  • แผลเป็นคีลอยด์ : เป็นแผลที่นูนขึ้นมาจากผิวหนัง มีความมันเงา มีสีแดงหรือสีม่วงในช่วงแรกแล้วจึงค่อยมีสีซีดลงในภายหลัง คนไข้บางรายอาจรู้สึกคันหรือแสบร้อนบริเวณแผล เกิดจากความผิดปกติของการสร้างคอลลาเจน ส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณแผลขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ จนเกินพื้นที่ของแผลเดิม
  • แผลเป็นนูน : เป็นแผลที่มีลักษณะคล้ายแผลเป็นคีลอยด์ แต่จะไม่ขยายกว้างขึ้นกว่าแผลเดิม หากเกิดแผลบริเวณที่ต้องเคลื่อนไหวบ่อยๆ ก็อาจจำกัดการเคลื่อนที่บริเวณนั้นไปด้วย
  • แผลเป็นจากรอยไหม้ : เป็นแผลที่ส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อและเส้นประสาท จนทำให้เคลื่อนไหวบริเวณที่เกิดแผลได้ไม่สะดวก
  • แผลเป็นหลุมลึก : เป็นแผลที่มีรูปร่างคล้ายหลุมลึกหรือรอยบนใบหน้า เกิดขึ้นหลังจากเป็นสิวอักเสบ หากเกิดจากสิวอักเสบรุนแรงจะไม่สามารถหายได้เอง จำเป็นต้องรักษาด้วยการทำหัตถการเท่านั้น ไม่สามารถทายารักษาให้หายได้

ทายารักษาแผลเป็นบนใบหน้าไม่หาย เกิดจากอะไร

สาเหตุที่ทำให้แผลเป็นบนใบหน้าไม่หายสักทีมาจากคอลลาเจน (Collagen) เป็นหลัก เนื่องจากคอลลาเจนเป็นสารในร่างกายที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ หากบริเวณแผลมีคอลลาเจนไม่เพียงพอหรือมีมากเกินไป ก็อาจทำให้แผลเป็นไม่จางหายไป สำหรับแผลเป็นที่รักษายากจะมีทั้งแผลเป็นนูน, แผลเป็นหลุม และแผลเป็นสีเข้ม

หากคนไข้ทำความสะอาดแผลไม่ดี แกะหรือเกาแผลบ่อยๆ หรือปล่อยให้แผลโดนแสงแดดเป็นเวลานานโดยไม่ทาผลิตภัณฑ์กันแดด SPF 30 ขึ้นไป หรือสวมเสื้อผ้าป้องกัน ก็อาจเกิดการระคายเคืองและเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายขึ้นด้วยค่ะ

เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง นอกจากจะทำให้ผิวไม่แข็งแรงเท่าช่วงวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่แล้ว ยังทำให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้นได้ง่าย นอกจากนี้ยังรวมไปถึงปัจจัยอื่น เช่น กรรมพันธุ์ที่ส่งต่อจากคนในครอบครัว ที่ทำให้เกิดแผลนูนง่ายกว่าคนทั่วไป หรือโรคประจำตัวบางชนิดที่ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพอย่างโรคเบาหวานหรือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

สำหรับส่วนประกอบสำคัญในยาทาแผลเป็นที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดจะมีทั้งซิลิโคน (Silicone), อัลลันโทอิน (Allantoin), วิตามินซี (Vitamin C), วิตามินอี (Vitamin E), สารผลัดเซลล์ผิว และสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) อย่างแคมพ์เฟอรอล (Kaempferol) และเควอซิทิน (Quercetin) ซึ่งสารเหล่านี้มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูและกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น แต่ในปัจจุบันได้มีการนำส่วนผสมอื่นเข้ามาด้วย เช่น สารกันเสีย น้ำหอม แอลกอฮอล์ ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว ส่งผลให้แผลเป็นหายช้าลงด้วย

แผลเป็นบนใบหน้า รักษาด้วยวิธีไหนถึงจะเห็นผลไว

การลอกผิวด้วยกรดผลไม้ (Chemical Peeling)

เป็นการใช้กรด AHA (Alpha Hydroxy Acids) ที่มีระดับความเข้มข้น 50-70% ป้ายลงบนแผลเป็น เพื่อกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าและสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ วิธีนี้เหมาะสำหรับรอยแผลเป็นตื้นๆ บนชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น และที่สำคัญจะต้องทำภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะหากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อผิวหน้าและสุขภาพด้านอื่นด้วย

การตัดหลุมสิว (Subcision)

เป็นการใช้เครื่องมือ เช่น เข็มขนาดเล็ก หรือเข็มแบบทู่ (cannula) สอดเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อตัดพังผืดที่ยึดหลุมสิวออกไป ทำให้หลุมสิวกลับมาตื้นขึ้น อีกทั้งกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ในบริเวณที่ทำการรักษา เพียงแต่วิธีนี้เหมาะสำหรับ หลุมสิว Rolling Scar และ Boxcar Scar เท่านั้น นอกจากนี้ยังเกิดผลข้างเคียงตามมาอีกมาก ทั้งรอยฟกช้ำ ปวดบวมหลังการรักษา เสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย หรือแม้แต่ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวรในคนไข้บางราย

ฉีดฟิลเลอร์รอยแผลเป็น (Filler Injection)

เป็นการฉีดสารเติมเต็ม HA (Hyaluronic acid) ลงไปในแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นหลุมอย่างหลุมสิวเพื่อเติมหลุมสิวให้เต็ม แม้จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยและเห็นผลหลังการรักษาทันที แต่สาร HA เป็นสารที่จะคงอยู่ในร่างกายได้ประมาณ 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการดูแลของคนไข้) จากนั้นจึงค่อยสลายตัวไปเองตามธรรมชาติ คนไข้จำเป็นต้องกลับเข้ามาฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์หลังการรักษาเอาไว้

เลเซอร์ลอกผิว (Laser Resurfacing)

เป็นการใช้เลเซอร์กำจัดหลุมสิวที่อยู่ในชั้นผิวหนังและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ไปพร้อมกัน มีทั้งแบบ Ablative Laser เป็นการใช้เลเซอร์กำจัดชั้นผิวหนังชั้นนอก (Epidermis) และส่วนหนึ่งของชั้นหนังแท้ (Dermis) เช่น CO2 Laser, Erbium Laser และแบบ Non-Ablative Laser เป็นการส่งพลังงานเลเซอร์ลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก เช่น Fraxel Laser, YAG Laser แม้จะช่วยปรับหลุมสิวให้ตื้นขึ้น แต่วิธีนี้อาจตามมาด้วยรอยแดง บวม หรือสะเก็ดบนผิวหลังการรักษา เสี่ยงต่อภาวะผิวไหม้หรือการติดเชื้อ สีผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะผู้ที่มีสีเข้ม เกิดรอยแผลเป็น และไม่เหมาะสำหรับคนไข้บางประเภท เช่น ผู้ที่มีปัญหาโรค โรคสะเก็ดเงิน หรือผิวหนังอักเสบ ผู้ที่รับประทานยาเรตินอยด์ หรือยาแก้อักเสบที่ส่งผลให้ผิวบางลง ผู้ที่มีแผลเป็นนูน หรือแผลคีลอยด์ (Keloid)

EndoliftX Light Scan

เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ยิงคลื่นแสงความยาว 1470 นาโนเมตรเข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวหนังเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนและสลายพังผืดที่ก่อให้เกิดหลุมสิวหรือแผลเป็นบนใบหน้า นอกจากนี้ยังช่วยให้คอลลาเจนหดตัวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวขึ้นมาใหม่ อีกทั้งช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของชั้นผิว ช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียนได้ทันทีหลังการรักษา 

ในกรณีที่เป็นแผลเป็นหลุมสิว การทำหัตถการนี้จะช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียชนิด P. acnes (Propionibacterium Acnes) และช่วยกระชับรูขุมขนบนชั้นผิว ซึ่งเป็น 2 สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวเรื้อรัง โดย EndoliftX Light Scan จะช่วยยับยั้งกระบวนการผลิตน้ำมันในต่อมไขมันไม่ให้ผลิตความมันออกมามากเกินไปจนไปอุดตันรูขุมขนบนใบหน้า ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้ถึงต้นเหตุเลยค่ะ

นอกจากจะช่วยรักษาแผลเป็นได้แล้ว EndoliftX Light Scan ยังช่วยยกกระชับใบหน้า ผิวหน้าดูมากระชับ เต่งตึง ใบหน้ามีกรอบชัดเจน อีกทั้งช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้นด้วย

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม :
EndoliftX Light Scan

แผลเป็นบนใบหน้า รักษาด้วยวิธีไหนถึงจะเห็นผลไว

การลอกผิวด้วยกรดผลไม้ (Chemical Peeling)

เป็นการใช้กรด AHA (Alpha Hydroxy Acids) ที่มีระดับความเข้มข้น 50-70% ป้ายลงบนแผลเป็น เพื่อกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าและสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ วิธีนี้เหมาะสำหรับรอยแผลเป็นตื้นๆ บนชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น และที่สำคัญจะต้องทำภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะหากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อผิวหน้าและสุขภาพด้านอื่นด้วย

การตัดหลุมสิว (Subcision)

เป็นการใช้เครื่องมือ เช่น เข็มขนาดเล็ก หรือเข็มแบบทู่ (cannula) สอดเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อตัดพังผืดที่ยึดหลุมสิวออกไป ทำให้หลุมสิวกลับมาตื้นขึ้น อีกทั้งกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ในบริเวณที่ทำการรักษา เพียงแต่วิธีนี้เหมาะสำหรับ หลุมสิว Rolling Scar และ Boxcar Scar เท่านั้น นอกจากนี้ยังเกิดผลข้างเคียงตามมาอีกมาก ทั้งรอยฟกช้ำ ปวดบวมหลังการรักษา เสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย หรือแม้แต่ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวรในคนไข้บางราย

ฉีดฟิลเลอร์รอยแผลเป็น (Filler Injection)

เป็นการฉีดสารเติมเต็ม HA (Hyaluronic acid) ลงไปในแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นหลุมอย่างหลุมสิวเพื่อเติมหลุมสิวให้เต็ม แม้จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยและเห็นผลหลังการรักษาทันที แต่สาร HA เป็นสารที่จะคงอยู่ในร่างกายได้ประมาณ 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการดูแลของคนไข้) จากนั้นจึงค่อยสลายตัวไปเองตามธรรมชาติ คนไข้จำเป็นต้องกลับเข้ามาฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์หลังการรักษาเอาไว้

เลเซอร์ลอกผิว (Laser Resurfacing)

เป็นการใช้เลเซอร์กำจัดหลุมสิวที่อยู่ในชั้นผิวหนังและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ไปพร้อมกัน มีทั้งแบบ Ablative Laser เป็นการใช้เลเซอร์กำจัดชั้นผิวหนังชั้นนอก (Epidermis) และส่วนหนึ่งของชั้นหนังแท้ (Dermis) เช่น CO2 Laser, Erbium Laser และแบบ Non-Ablative Laser เป็นการส่งพลังงานเลเซอร์ลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก เช่น Fraxel Laser, YAG Laser แม้จะช่วยปรับหลุมสิวให้ตื้นขึ้น แต่วิธีนี้อาจตามมาด้วยรอยแดง บวม หรือสะเก็ดบนผิวหลังการรักษา เสี่ยงต่อภาวะผิวไหม้หรือการติดเชื้อ สีผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะผู้ที่มีสีเข้ม เกิดรอยแผลเป็น และไม่เหมาะสำหรับคนไข้บางประเภท เช่น ผู้ที่มีปัญหาโรค โรคสะเก็ดเงิน หรือผิวหนังอักเสบ ผู้ที่รับประทานยาเรตินอยด์ หรือยาแก้อักเสบที่ส่งผลให้ผิวบางลง ผู้ที่มีแผลเป็นนูน หรือแผลคีลอยด์ (Keloid)

EndoliftX Light Scan

เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ยิงคลื่นแสงความยาว 1470 นาโนเมตรเข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวหนังเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนและสลายพังผืดที่ก่อให้เกิดหลุมสิวหรือแผลเป็นบนใบหน้า นอกจากนี้ยังช่วยให้คอลลาเจนหดตัวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวขึ้นมาใหม่ อีกทั้งช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของชั้นผิว ช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียนได้ทันทีหลังการรักษา 

ในกรณีที่เป็นแผลเป็นหลุมสิว การทำหัตถการนี้จะช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียชนิด P. acnes (Propionibacterium Acnes) และช่วยกระชับรูขุมขนบนชั้นผิว ซึ่งเป็น 2 สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวเรื้อรัง โดย EndoliftX Light Scan จะช่วยยับยั้งกระบวนการผลิตน้ำมันในต่อมไขมันไม่ให้ผลิตความมันออกมามากเกินไปจนไปอุดตันรูขุมขนบนใบหน้า ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้ถึงต้นเหตุเลยค่ะ

นอกจากจะช่วยรักษาแผลเป็นได้แล้ว EndoliftX Light Scan ยังช่วยยกกระชับใบหน้า ผิวหน้าดูมากระชับ เต่งตึง ใบหน้ามีกรอบชัดเจน อีกทั้งช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้นด้วย

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : EndoliftX Light Scan

รักษาแผลเป็นบนใบหน้า ที่ไหนดี ทำไมต้องฉีด EndoliftX

ที่ Dr.Vanda Aesthetic Clinic

หากพูดถึงการรักษาแผลเป็นบนใบหน้าด้วยเทคนิค EndoliftX แล้ว หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่หลายคนไว้วางใจต้องยกให้ “ดร.แวนด้า” พญ.ศิริวรรณ ตั้งเจริญชัยชนะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คร่ำวอดในวงการด้านการดูแลผิวพรรณและด้านความงามมาอย่างยาวนาน หมอแวนด้าเชี่ยวชาญในด้านโรคผิวหนังและการดูแลผิวเพื่อความงามโดยเฉพาะ ทั้งการยกกระชับผิวหน้า รักษาสิว ฝ้า กระ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือทางการแพทย์ในด้านความงาม

ด้วยประสบการณ์และความชำนาญเฉพาะด้านของคุณหมอ คุณหมอจึงได้นำเทคนิค EndoliftX 2 รูปแบบ ทั้ง EndoliftX Laser Fiber และ EndoliftX Light Scan มาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาของผู้เข้ารับการรักษาทุกท่านได้อย่างตรงจุด และที่สำคัญคุณหมอให้ความสำคัญกับการดูแลตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงหลังการรักษา คุณจึงมั่นใจได้เลยว่าผลลัพธ์หลังการรักษาเป็นที่น่าพึงพอใจตามที่คุณคาดหวังไว้อย่างแน่นอน

ที่ Dr.Vanda Aesthetic Clinic ของเรา นอกจากจะเป็นคลินิกที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้มาตรฐานและปลอดภัยแล้ว เรายังนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อให้บริการกับคนไข้ของเราทุกท่านเพื่อให้ผลลัพธ์ของทุก ๆ บริการเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดด้วย เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะดูแลทุกขั้นตอน เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการทุกท่านมั่นใจได้ในผลลัพธ์ที่ชัดเจนและปลอดภัยเมื่อให้เราดูแลค่ะ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: “ดร.แวนด้า” แนะนำ! ยกกระชับไม่ผ่าตัดด้วย EndoliftX ได้ผลจริง ไม่เจ็บตัว

OTHER ARTICLE

CELEBRATING BEAUTY , THE ART OF LIFE

In our pursuit of redefining beauty, we do not only transform appearances but also uplift spirits and inspire confidence for our valued patient.