ยกกระชับหน้าด้วยวิธีธรรมชาติ ใช้เวลานานไหม มีทางเลือกที่ไวกว่านี้มั้ย

หลายคนคงเคยได้ยินมาว่าการยกกระชับหน้าสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพียงแต่จะต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ซึ่งการยกกระชับหน้าด้วยวิธีธรรมชาติก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ในวันนี้หมอแวนด้าจะขอพูดถึงวิธีและระยะเวลาในการทำ เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลผิวหน้าของคุณกันค่ะ

ยกกระชับหน้าด้วยวิธีธรรมชาติ มีวิธีไหนน่าสนใจบ้าง

นอกจากจะช่วยยกกระชับผิวหน้าแล้ว การนวดหน้าเป็นประจำยังช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและการทำงานของระบบน้ำเหลือง ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ จึงลดการอุดตันบริเวณรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุของสิว, บรรเทาอาการอักเสบบนใบหน้า, ลดบวมบนใบหน้า, ป้องกันผิวหมองคล้ำ อีกทั้งเสริมประสิทธิภาพการดูดซึมสารบำรุงผิวจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าไปในตัว วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าโทรม หน้ามัน มีสิว ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง ผู้ที่มีหน้าบวม รวมถึงผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าให้กลับมาเต่งตึงอีกด้วย สำหรับวิธีนวดยกกระชับหน้ามีดังนี้…

  • ล้างหน้าให้สะอาดด้วยครีมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน
  • ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวลงบนบริเวณที่ต้องการนวดยกกระชับ
  • ใช้นิ้วมือคลึงเบาๆ บริเวณเบ้ากระดูกตา จำนวน 5 ครั้ง เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบดวงตา จากนั้นค่อยนวดเบาๆ บริเวณขมับอีก 5 ครั้ง
  • ใช้มือนวดบริเวณเหนือคิ้วและรีดผิวขึ้นไปถึงไรผม จำนวน 5 ครั้ง
  • ใช้มือรีดผิวบริเวณมุมปากทั้ง 2 ข้าง ขึ้นไปที่หู จำนวน 5 ครั้ง
  • ใช้ฝ่ามือรีดผิวจากคอไปถึงไหล่ 5 ครั้ง จำนวน 5 ครั้ง
  • ใช้ปลายนิ้วมือนวดหมุนวนบริเวณมุมปาก ร่องแก้ม และเบ้าตาไปทีละจุด จุดละ 5 ครั้ง
  • รีดผิวหน้าออกไปตามเส้นของกล้ามเนื้อ
  • ทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

หรือการทำ Face Yoga เป็นการบริหารใบหน้าเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อใบหน้าให้แข็งแรง กระชับขึ้น ลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อซ้ำๆ โดยเฉพาะรอยย่นบนหน้าผากและรอบดวงตา ลดการสะสมของไขมันบริเวณแก้มและคางสองชั้น อีกทั้งกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยให้ผิวหน้าดูเปล่งปลั่ง สดใส สำหรับวิธีบริหารใบหน้ามีทั้งหมด 8 ขั้นตอน ดังนี้…

  • ยกริมฝีปากล่าง เริ่มจากนั่งหลังตรงแล้วเอนศีรษะขึ้นให้ตั้งฉากเป็นเวลา 5-10 วินาที ทำซ้ำประมาณ 2-3 ครั้ง
  • ยกคางขึ้น เริ่มจากยืนตรงแล้วยกคางขึ้น จากนั้นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ โดยนับ 1-10 แล้วค่อยเอาคางลง ทำซ้ำประมาณ 2-3 ครั้ง
  • ดึงริมฝีปากลง เริ่มจากเกร็งมุมริมฝีปากลงจนรู้สึกตึงแล้วค่อยปล่อย ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง
  • เอียงหัว เริ่มจากเอียงหัวไปทางขวา พยายามให้หูไปแตะหัวไหล่ขวา ใช้มือขวาจับหัวและดันไปทางทิศตรงข้าม ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นทำซ้ำอีกด้านหนึ่ง
  • อมอากาศ เริ่มจากสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วปิดริมฝีปากให้สนิท จากนั้นให้ทำแก้มป่องและนำมือทั้งสองข้างวางบนแก้ม ส่วนนิ้วให้ปิดที่หู จากนั้นกดฝ่ามือลงบนแก้มค้างไว้ประมาณ 5-10 วินาที ทำซ้ำประมาณ 5-6 ครั้ง
  • ดันคาง เริ่มจากวางกำปั้นทั้ง 2 มือไว้ใต้คาง จากนั้นใช้ลิ้นดันลงด้านล่างของปาก และใช้กำปั้นดันคางขึ้นมา ค้างเอาไว้เป็นเวลา 30 วินาที ทำซ้ำประมาณ 10 ครั้ง

การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อแดง, อาหารแปรรูป, อาหารสำเร็จรูป, อาหารหมักดอง, อาหารตากแห้ง, ขนมคบเคี้ยว, น้ำเกลือแร่, ซอส หรือเครื่องปรุงต่างๆ จะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำเอาไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายเพื่อรักษาสมดุล โดยจุดที่เก็บสะสมน้ำที่จะเห็นได้ชัด มีทั้งเปลือกตา, ใต้ตา และแก้ม ส่งผลให้ใบหน้าดูบวมขึ้น นอกจากนี้โซเดียมยังมีผลต่อการทำงานของไต เมื่อไตทำงานหนักขึ้นและทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้น้ำและเกลือส่วนเกินถูกขับออกจากร่างกายยากขึ้นและสะสมบนใบหน้า และหากปล่อยให้ไตทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ อาจก่อให้เกิดภาวะอื่นๆ ตามมา เช่น โรคไตวาย โรคไตเรื้อรัง ฯลฯ ที่ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังจนเข้าไปทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว ผิวจึงขาดความกระชับ มีริ้วรอย

ดังนั้นการลดปริมาณอาหารที่มีโซเดียมลงจะช่วยลดการคั่งน้ำและอาการบวมใบหน้าได้มากขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าที่บวมกลับมากระชับขึ้น อีกทั้งลดโอกาสเกิดโรคเรื้อรังที่ทำให้สุขภาพผิวในระยะยาว สำหรับปริมาณโซเดียมที่ควรบริโภคต่อวันไม่ควรเกิน 2,000 มิลลิกรัม คิดเป็นเกลือป่นประมาณ 1 ช้อนชา หรือน้ำปลาประมาณ 4 ช้อนชา ทั้งนี้อย่าลืมรับประทานอาหารบำรุงผิวที่มีวิตามิน C และคอลลาเจน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวด้วยนะคะ

ผิวหนังของคนเรามีส่วนประกอบของน้ำมากถึง 60% และเซลล์ผิวของเราก็มีน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญด้วยเช่นกัน หากคุณดื่มน้ำน้อยเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ก็อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ไม่กระชับ และมีริ้วรอยก่อนวัยง่ายขึ้น ดังนั้นเราจึงควรดื่มน้ำตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ หรือวันละ 8-10 แก้ว เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวและกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับมากยิ่งขึ้น อีกทั้งน้ำยังช่วยขับสารพิษออกจากผิว ช่วยลดปัญหาสิวและริ้วรอยก่อนวัยที่อาจทำให้ผิวหน้าไม่กระชับ สำหรับตารางเวลาดื่มน้ำที่ถูกต้องมีดังนี้…

  • ดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังตื่นนอน
    เนื่องจากช่วงนอนหลับพักผ่อนเป็นช่วงที่ร่างกายขาดน้ำ การดื่มน้ำ 1 แก้วทันทีหลังตื่นนอน จะกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี ช่วยลำเลียงน้ำและเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ทำให้ระบบในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • ดื่มน้ำ 1 แก้ว ช่วง 08.00-09.00 น. (ก่อนมื้อเช้า)
    การดื่มน้ำก่อนมื้อเช้าอย่างน้อย 30 นาที จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบย่อยอาหารและการเผาผลาญ ทำให้ร่างกายย่อยอาหารมื้อเช้าได้ดี ทั้งนี้ไม่ควรดื่มก่อนมื้ออาหารทันทีเพราะน้ำจะเข้าไปรบกวนระบบย่อยอาหาร ทำให้ทานอาหารได้น้อยลง
  • ดื่มน้ำ 1 แก้ว ช่วง 09.00-11.00 น.
    การดื่มน้ำในช่วงนี้จะกระตุ้นการทำงานของไตที่ทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด ร่างกายจึงขับสารพิษ เช่น ยูเรียและเกลือส่วนเกิน ออกทางปัสสาวะ นอกจากนี้น้ำยังช่วยละลายเส้นใยอาหารและกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นด้วย
  • ดื่มน้ำ 1 แก้ว ช่วง 12.00 น. (หลังมื้อกลางวัน)
    การดื่มน้ำ 1 แก้ว ทีละน้อยๆ หลังรับประทานอาหารเสร็จ จะช่วยล้างเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ในช่องปากให้หมด ช่วยเติมความชุ่มชื้นภายในปาก ทั้งนี้ไม่ควรดื่มรวดเดียวหมด เพราะอาจทำให้น้ำย่อยในกระเพาะเจือจาง ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดี
  • ดื่มน้ำ 2 แก้ว ช่วง 13.00-16.00 น.
    การดื่มน้ำในช่วงนี้ให้เน้นการจิบทีละน้อย เนื่องจากเป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่ทำงาน การดื่มน้ำรวดเดียวหมดแก้วนอกจากจะกระตุ้นให้ปวดปัสสาวะบ่อยๆ ขณะทำงานแล้ว ยังทำให้ร่างกายขาดน้ำและลดประสิทธิภาพของระบบต่างๆ ในร่างกายอีกด้วย ส่งผลให้คุณต้องหาน้ำดื่มเพิ่ม และการดื่มน้ำที่มากเกินไปก็อาจทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย
  • ดื่มน้ำ 1 แก้ว ช่วง 17.00-19.00 น. (ก่อนมื้อเย็น)
    การดื่มน้ำก่อนมื้อเย็นอย่างน้อย 30 นาที จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบย่อยอาหารและการเผาผลาญ
  • ดื่มน้ำ 1 แก้ว ช่วง 19.00-21.00 น.
    เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายไม่ได้ทำงานหนักเหมือนช่วงบ่าย จึงขอแนะนำให้ดื่มแบบจิบไปเรื่อยๆ เพื่อให้ระบบไหลเวียนเลือดและระบบลำไส้ทำงานในระดับที่เหมาะสม ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายเอาของเสียที่ตกค้างระหว่างวันออก
  • ดื่มน้ำ 1 แก้ว ช่วง 23.00 น. (ก่อนนอน)
    การดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนนอนประมาณ 1 ชั่วโมง จะช่วยเติมน้ำให้สมองที่เหนื่อยล้าจากการทำงานหนักตลอดทั้งวัน เมื่อสมองผ่อนคลาย ส่งผลให้ร่างกายผ่อนคลายตามและพร้อมต่อการนอนพักตลอดทั้งคืน อีกทั้งป้องกันการปวดปัสสาวะที่ทำให้ต้องลุกมาเข้าห้องน้ำที่อาจทำให้ประสิทธิภาพการนอนหลับลดลง

การนอนพักผ่อนวันละ 7-8 ชั่วโมง มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในชั้นผิว เสริมสร้างคอลลาเจนให้เซลล์ผิว ลดปัญหาใต้ตาหมองคล้ำจากการนอนดึก และที่สำคัญการนอนในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะลดการหลั่งฮอร์โมนเกรห์ลิน (Ghrelin) หรือฮอร์โมนแห่งความหิว ที่จะทำให้คุณต้องลุกไปหาอะไรกินและก่อให้เกิดโรคอ้วนได้ในระยะยาว ซึ่งโรคอ้วนก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดไขมันสะสมใต้ผิวหนังและลดปริมาณคอลลาเจน ทำให้ผิวหย่อนคล้อย, ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ผิวที่หมองคล้ำฟื้นตัวช้า และปัญหาผิวหน้าอื่นๆ ตามมาอีกมาก

ยกกระชับหน้า วิธีไหนดีสุด

EndoliftX Laser Fiber จาก Dr.Vanda Aesthetic Clinic เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้สำหรับการกระชับผิวและการปรับรูปหน้าจากภายในโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้เลเซอร์ชนิดไฟเบอร์ออปติกที่มีขนาดเล็กมากสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังเพื่อสร้างความร้อนชั้นใต้ผิวหนังและกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนเก่าและเสริมการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยสลายไขมันใต้ผิวหนังไปในตัว และที่สำคัญยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดใต้ผิวหนัง ส่งผลให้สุขภาพผิวโดยรวมดีขึ้น ผิวดูกระชับขึ้น และที่สำคัญแสงเลเซอร์ที่ใช้จะเป็นแบบเฉพาะเจาะจง จึงมอบผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติทันทีหลังทำหัตถการ

สำหรับใครที่กังวลในเรื่องของแผลเป็นหลังการทำหัตถการ หมอแวนด้าขอยืนยันตรงนี้เลยว่าไม่มีแน่นอนค่ะ เนื่องจากการทำ EndoliftX ไม่ใช่การผ่าตัด เป็นเพียงการใส่เส้นใยไฟเบอร์ที่บางเฉียบเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังผ่านรูเล็กๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า นอกจากจะมอบผลลัพธ์ที่แม่นยำแล้ว ยังลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อใกล้เคียง หลังทำหัตถการคนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยค่ะ ที่สำคัญคนไข้จะเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำหัตถการ ไม่ต้องใช้เวลารอผลลัพธ์เหมือนกับหลายๆ วิธี และผลลัพธ์จะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีการกระตุ้นคอลลาเจนใหม่เข้าไปแล้ว

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: EndoliftX Laser Fiber

ทำไมต้อง EndoliftX Laser Fiber ที่ Dr.Vanda Aesthetic Clinic

ที่ Dr.Vanda Aesthetic Clinic ของเรานั้น นอกจากจะเป็นคลินิกที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้มาตรฐานและปลอดภัยแล้ว เรายังนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อให้บริการกับคนไข้ของเราทุกท่านเพื่อให้ผลลัพธ์ของทุก ๆ บริการเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดด้วย เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะดูแลทุกขั้นตอน เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการทุกท่านมั่นใจได้ในผลลัพธ์ที่ชัดเจนและปลอดภัยเมื่อให้เราดูแลค่ะ

OTHER ARTICLE

CELEBRATING BEAUTY , THE ART OF LIFE

In our pursuit of redefining beauty, we do not only transform appearances but also uplift spirits and inspire confidence for our valued patient.